16 ตุลาคม 2554

สายใยรักสัญชาตญาณเถื่อน : Edge of Danger /// Rhyannon Byrd


นพระเอกเอาไว้เยอะค่ะสำหรับเล่มแรกของชุด Primal Instinct  เรื่อง    คมสวาท สัญชาตญาณเถื่อน  ตอนนั้นยังคิดอยู่เลยว่าจะข้ามไปซื้อเล่มสี่ซึ่งเป็นเล่มที่ได้รับการยืนยัน ว่าสนุกแต่เห็นการเปิดตัวของหนุ่ม ๆ วอชแมนแล้วก็อดใจไม่ได้ค่ะ ตัดใจซื้อไปเลยดีกว่า ซึ่งตอนเริ่มต้นอ่านก็เตรียมทำใจและไม่ได้คาดหวังไว้แล้วค่ะ

สายใยรักสัญขาตญาณเถื่อน : Edge of Danger



สายใยรักสัญชาตญาณเถื่อน : Edge of Danger /// Rhyannon Byrd
แปลโดย นีลนารา : พิมพ์ที่ สมใจบุ๊คส์ พิมพ์ปี 2554






 เบื้องหลังที่ไปที่มาของชุดนี้ในเล่มหนึ่ง  คมสวาท สัญชาตญาณเถื่อน  เกริ่นไว้เยอะพอสมควรค่ะย้อนกลับไปอ่านได้ และเพราะความขี้เกียจเขียนเราขอไม่พาดพิงถึงมากนะคะ
เล่มที่สองถึงคิวของเซจ บูคานัน (เล่มแรกผู้แปลออกเสียงเซจว่า ไซเก เราจำไม่ได้หรอกค่ะแต่มีหมายเหตุไว้ท้ายหน้ากระดาษ)  นักโบราณคดีน้องสาวคนเล็กของครอบครัวบูคานันซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสายพันธ์ เมอร์ริคที่แข็งแกร่งที่สุดที่จะทำลายล้างและส่งดวงวิญญาณของเผ่าพันธุ์คา ซัสซึ่งกำลังเข่นฆ่ามนุษย์เป็นอาหารอยู่ กลับลงขุมนรกเมอร์เดี้ยนที่พวกมันหลุดรอดออกมาได้ แต่เพราะเมอร์ริคในร่างของเซจยังไม่แข็งแกร่งเต็มที่ทำให้หน่วยวอชแมนซึ่งมี หน้าที่คอยปกป้องพี่น้องบูคานันส่งไมเคิล ควินน์ มาบราซิลเพื่อนำตัวเธอกลับไปอยู่ในเซฟเฮ้าส์
ควินน์ หนึ่งในหน่วยวอชแมน เป็นมนุษย์กลายร่างอีกสายพันธ์หนึ่งของเมอร์ริค  ซึ่งเขาเฝ้าจับตาระวังภัยให้     เซจอยู่ห่าง ๆ เพราะเธอใกล้เต็มทีแล้วที่เมอร์ริคในร่างกำลังแข็งแกร่งซึ่งนั่นก็หมายความ ว่าเซจถูกพวกคาซัสหมายหัวและไล่ล่าเป็นอาหารที่จะเติมเต็มพลังมหาศาลให้พวก มันและที่สำคัญทุก ๆ เมอร์ริคหนึ่งตนได้ตายไปจะมีคาซัสอีกหนึ่งตนเช่นกันโผล่ขึ้นมาจากเมอร์เดี้ย นเพื่อรวบรวมจัดตั้งกองกำลัง  ซึ่งคราวนี้คาซัสมาแพ็คคู่ค่ะส่งรอยซ์และ เกรกอรี่ โดยเฉพาะเกรกอรี่ น้องชายของมัลคอร์ม คาซัสตนแรกที่ถูกปลดปล่อยออกมาจาก           เมอร์เดี้ยนแต่ท้ายที่สุดก็ถูกเอียนซึ่งได้จังหวะเวลากลายร่างเป็นเมอร์ริ คพอดีฆ่าตาย  เกรกอรี่จึงสาบานว่าจะแก้แค้นให้พี่ชาย และภารกิจอีกอย่างที่สำคัญยิ่งคือการตามหามาร์คเกอร์ ซึ่งเป็นเครื่องรางที่มีพลังปลิดดวงวิญญาณของพวก   คาซัสได้ดับสูญไปได้ เป้าหมายของพวกมันจึงพุ่งดิ่งมาที่เซจเต็ม ๆ
เซจซึ่งอยู่ระหว่างการขุดค้นซากโบราณในบราซิล เป็นคนสุดท้ายในทีมที่ยังไม่เดินทางกลับ เพราะเธอต้องการล่อให้พวกคาซัสหลงทางติดกับอยู่ที่นี่ในขณะที่เธอได้ส่ง มาร์คเกอร์ชิ้นที่สองที่เธอค้นพบออกนอกประเทศไป โชคยังเข้าข้างเธออยู่บ้างขณะที่เธอถูกตามไล่ล่าควินน์โผล่มาช่วยเธอได้ทัน ท่วงที ท่ามกลางบรรยากาศของการเอาชีวิตให้รอดจากบราซิลและการเดินทางรอนแรมกลับ อเมริกาจะควบคู่มากลับการสป๊าคชนิดไฟช๊อตของควินน์และเซจตั้งแต่ฉากแรก ๆ ที่ทั้งคู่ได้เจอกันแล้วค่ะ  แต่ความสัมพันธ์ของคู่นี้ไม่ค่อยคืบหน้ามากนักปัญหาคล้าย ๆ กับเล่มแรกควินน์มัวแต่วิตกกังวลว่าเขาทำสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ เขาจะทำให้เธอเสียใจในภายหลังหรือเปล่า แล้วก็มานั่งนึกอดอาลัยตายอยากเมื่อเซจเชิดใส่ เราว่าสมน้ำหน้าเขาแล้วล่ะที่ปฏิเสธเซจทั้งที่เธอก็เต็มใจจะมอบให้เขา ทุกอย่าง แต่ปัญหาอยู่ที่ควินน์เองที่ยึดติดกับอดีตมากจนเกินไปทำให้เราโคตรจะเสียดาย พระเอกเรื่องนี้ไปเลยค่ะ เพราะคนแต่งบรรยายพระเอกผ่านสายตานางเอกเล่นเอาใจเต้นแรงได้ไม่หยุดหย่อน ทุกหน้ากระดาษ เราว่าถ้านางเอกเพลา ๆ ความหื่นในตัวพระเอกลงไปบ้างก็คิดว่าเธอน่ารักดี เพราะเซจก็รับมือได้ดีกับการถูกควินน์ปฏิเสธ
 เรื่องนี้ยังได้เปิดประเด็นใหม่เกี่ยวกับสภาคอนซอร์เที่ยมซึ่งอยู่ฝ่าย เดียวกับเมอร์ริคและเป็นกำลังช่วยจับขังพวกคาซัส แต่ก็ยังมีอีกขั้วซึ่งอยู่เบื้องหลังคอยสนับสนุนพวกคาซัส เรียกว่า คอลเลคทีฟ เช่นกันค่ะ อย่างไรก็ตามทั้งพวกคอนซอร์เที่ยมและกองทัพคอลเลคทีฟต่างก็ค้นหามาร์เกอร์ใน เหตุผลที่แตกต่างกัน ซึ่งเล่มสองทิ้งประเด็นไว้แล้วค่ะ ในแผนที่ที่เซจเป็นเจ้าของ

คะแนนความพอใจ 6+

ไม่มีความคิดเห็น: