27 กันยายน 2554

คมสวาท สัญชาตญาณเถื่อน - Edge of Hunger by Rhyannon Byrd

คมสวาท สัญชาตญาณเถื่อน : Edge of Hunger

Rhyannon Byrd เคยมี ผลงานที่อาจผ่านตาแฟนโรมานซ์ชาวไทยมาบ้างแล้วจาก ชุด Blood Runners เรื่อง นักสู้เจ้าหัวใจ  ซึ่งสารภาพตรง ๆ ว่าไม่ค่อยประทับใจมากนัก อย่างไรก็ตามเมื่อสมใจบุ๊ค แปลชุดใหม่ออกขาย เลือดนักอ่านอย่างเราก็อดไม่ได้ที่จะซื้อ ซึ่งมีนักอ่านโรมานซ์อย่างคุณแมกซ์ รับรองความสนุกของชุดนี้ว่าดีกว่าชุด บรัดรันเนอร์ ค่ะ


คมสวาท  สัญชาตญาณเถื่อน - Edge of Hunger  by Rhyannon Byrd
สนพ. สมใจบุ๊ค  แปล  นีลนารา


  หนังสือ เล่มแรกของชุด Primal Instinct  เปิดฉากแรกด้วยมอลลี่  สแตรตตัน นำข่าวฝากจากแม่ที่ตายไปแล้วห้าเดือน มาบอกเอียน  บูคานัน  ซึ่งเธอไม่คาดหวังอยู่แล้วว่าเขาจะเชื่อ แต่เพราะมอลลี่รับปากกับวิญญาณของแม่เอียนว่าจะมาส่งข่าวเตือนเขาให้ได้ ว่ามีคนที่เขาแคร์ความรู้สึกมากคนหนึ่งกำลังตกอยู่อันตราย   
มอลลี่ซึ่ง เป็นผู้หยั่งรู้ภาพนิมิตติดต่อและสัมผัสดวงวิญญาณได้ ได้รับการต่อต้านจากเอียนในทุกทางซึ่งแม่ของเขาได้เตือนเธอมาเป็นอย่างดี แล้ว แต่เอียนไม่ยอมรับฟังคำเตือนจวบจนข่าวนั้นกลายเป็นความจริงในคืนนั้นเอง
 ต้องเตือนกันก่อนนะคะว่าถึงแม้เป็นหนังสือเล่มแรก แต่เปิดเรื่องมาเหมือนไม่ใช่เล่มแรก ไม่มีการปูพื้นที่มาที่ไปปล่อยให้คนอ่านจับประเด็นเอาเอง  เอียน  ในวัยสามสิบสองรู้ดีว่ามีปีศาจร้ายอีกตนแฝงอยู่ในร่าง เขาควบคุมร่างกายตัวเอง ต่อสู้กับแรงกระตุ้นไม่ให้สัตว์ร้ายโผล่ออกมา  เขาหลอกตัวเอง ทั้งที่รู้ว่าความจริงแล้วมอลลี่พูดถูกเรื่องวิญญาณของแม่  การที่เคนดร้า อดีตคู่รักของเขาถูกฆ่าตายอย่างเหี้ยมโหด และการปรากฏตัวของคาซัส ฆาตกรฆ่าเคนดร้าพร้อมคำข่มขู่ที่หมายจะเอาชีวิตเขาและผู้หญิงที่เอียนเกี่ยว ข้องด้วย ทำให้เขาเริ่มคิดเปิดใจเชื่อ มอลลี่
 ท้าวความกลับไปในอดีตกาล สายพันธ์คาซัสและเมอร์ริค ทำสงครามกันมาก่อน จวบจนมีการจองจำคาซัสด้วยความเห็นชอบของคอนซอร์เที่ยม ซึ่งเปรียบเสมือนสภาที่ควบคุมเผ่าพันธุ์ทั้งสอง มัลคอล์ม  ซึ่งเป็นสายพันธ์คาซัส เป็นสัตว์ร้ายตนแรกที่ได้รับการปลดปล่อยออกมาสู่พื้นโลกหลังจากถูกคุมขังใน เมอร์เดียน  การฆ่าทำให้คาซัสได้พลังเพิ่มขึ้น นั่นหมายความว่ามันอาจจะช่วยปลดปล่อยเผ่าพันธุ์ของเขาได้แต่การได้ฆ่าเอียน ซึ่งเป็นสายพันธ์เมอร์ริค ที่แข็งแกร่งที่สุด จึง เป็นความเชื่อว่าพลังของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว
 อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีหญิงสาวเริ่มทยอยตายด้วยสาเหตุคล้าย ๆ กันรวมไปถึงการปรากฏตัวของหน่วยวอชแมน ที่ถูกตั้งขึ้นตามหลักความเชื่อของยิปซีว่าจะมีเมอร์ริคตนหนึ่งโผล่ขึ้นมา ต่อสู้กับคาซัส  พวกเขาจึงได้เฝ้าจับตาตระกูลบูคานัน สายเลือดเมอร์ริคที่แข็งแกร่งที่สุด และอาสาจะเตรียมร่ายกายเอียนให้พร้อมเพื่อการเปลี่ยนร่างเอียนก็ยังคงลังเล ที่จะปลดปล่อยเมอร์ริคออกมา
 ถึงตรงนี้ ได้แต่บอกตัวเองให้อดทนอ่านให้จบค่ะถึงแม้จะหงุดหงิดกับความเห็นแก่ตัวของ เอียนโคตร ๆ รวมไปถึงนิสัยฉุนเฉียวง่าย หยาบคายและไม่ศรัทธาแม้แต่ตัวเอง แถมขี้ขลาดวิ่งหนีจากสิ่งที่ตัวเองเป็น อดทนกับพระเอกเรื่องนี้เยอะจริง ๆ  นอกจากพลอตที่ไร้น้ำหนักเรื่องความเชื่อของยิปซีที่เราคิดว่าออกแนวมั่ว ๆ กรณีเคนดร้า อดีตคนรักซึ่งเป็นเหตุที่มอลลี่ต้องเดินทางมาหาเอียนคนแต่งก็เหมือนจะใช้แค่ กล่าวอ้างลอย ๆ เพราะแท้จริงแล้วเราไม่เห็นว่าเอียนจะแคร์เคนดร้าเลยแม้แต่น้อย เน้นหนักไปกับฉากบรรยายรูปร่างหน้าตา กิริยาท่าทางของพระเอก ซึ่งอ่านแล้วก็ดูน่ารับปทานดีค่ะ แต่มันมากไปหน่อย
 สุดท้ายขอกล่าวถึง หน่วยวอชแมน ซึ่งคาใจเรามาก เปิดตัวพระเอกเล่มต่อไปครบเลยค่ะ แต่แทบไม่มีบทบาทอะไรเลย คำพูดที่ว่า “กฎมีไว้แหก”  คงใช้ไม่ได้กับวอชแมน เพราะพวกเขายึดมั่นเหลือเกิน ว่า  “การเข้าแทรกแซกไม่ใช่งานของเรา”    แม้ว่าจะมีมนุษย์ตายไปต่อหน้า ขณะที่คาซัสฆ่าผู้หญิงไปเรื่อย ๆ  ต้องดูกันต่อไปว่าจะมีบทบาทนอกเหนือจากแค่การเฝ้าจับตาทายาทเมอร์ริคที่แข็ง แกร่งนะคะ

คะแนนความพอใจ  6/10

ไม่มีความคิดเห็น: