3 พฤศจิกายน 2553

ภาพสังหาร (Portrait in Death) by J.D. Robb

สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักนิยายชุดนี้นะคะ เจดี ร็อบบ์ เป็นอีกนามปากกาหนึ่งของ นอร่า โรเบิร์ตส ซึ่ง เขียนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2059 สถานที่หลักคือ New York City นางเอกเรื่องนี้เป็นตำรวจแผนกฆาตกรรม แต่งงานกับโร้ค ซึ่งเป็นนักธุรกิจที่รวยที่สุดในโลกซึ่งในอดีตเขาคืออาชญากรฝีมือฉกาจที่ทำธุรกิจผิดกฎหมายมานับไม่ถ้วน แต่เมื่อเขาหลงรักอีฟ และไม่อยากให้เธอพบปัญหายุ่งยากโร้คก็หันหลังจากธุรกิจพวกนั้นอย่างสิ้นเชิง เรื่องนี้เป็นเล่มที่ 18 ของชุดแล้วค่ะ




ภาพสังหาร (Portrait in Death) by J.D. Robb

สำนักพิมพ์เพิร์ล วรรณภา จารุมัยพร แปล



เริ่มต้นเรื่องด้วยอีฟ รู้สึกเริงร่าอย่างยิ่งที่วันนี้ซัมเมอร์เซ็ต พ่อบ้านชราคู่กัดของเธอจะเดินทางไปพักร้อน หลายสัปดาห์ แต่อีฟดีใจได้ไม่นานเมื่อ ซัมเมอร์เซ็ต ได้รับอุบัติเหตุขาหักพร้อมกับที่เธอได้รับแจ้งว่ามีนักศึกษาถูกฆ่าตาย และฆาตกรได้ส่งภาพถ่ายของศพซึ่งได้รับการจัดวางท่าอย่างมีศิลปะส่งไปให้ นักข่าวโทรทัศน์พร้อมคำแถลงการณ์ว่านี่เป็นเพียงเหยื่อรายแรก อีฟและพีบอดี้ ผู้ช่วยของเธอจึงเริ่มมองหาปมและการเชื่อมโยง ตามสถานที่รอบมหาวิทยาลัย แหล่งส่งข้อมูลไปให้นักข่าวและสตูดิโอภาพถ่าย



ในขณะเดียวกันโร้คก็ได้รับรู้ความลับที่น่าตกใจเกี่ยวกับอดีตของเขาจากนักสังคมสงเคราะห์หญิงคนหนึ่งระหว่างที่ไปเยือนสถานที่พักพิงหญิงที่ถูกทำร้ายของหมอหลุยส์ ซึ่งเขาและอีฟออกทุนให้ โดยเธออ้างว่าเคยอาศัยอยู่ในดับลินช่วงเวลาเดียวกับที่โร้คยังเป็นเพียงเด็กทารกและให้ความช่วยเหลือแม่ของเขาระหว่างที่ถูกแพทริค โร้ค ซ้อมปางตาย เธอยืนยันว่าแม่ของเขาคือชีวอน โบรดี้ ซึ่งนั่นถ้าเป็นเรื่องจริงก็หมายความว่า สิ่งที่เขาเชื่อมาตลอด เม็ก โร้ค แม่ที่ทอดทิ้งเขาไปไม่ใช่แม่ที่แท้จริง และอาจเป็นไปได้ว่าชีวอนถูกพ่อของเขาฆ่าตายแล้ว มีเพียงหนทางเดียวที่จะพิสูจน์เรื่องนี้โร้คจำเป็นต้องเดินทางไปไอร์แลนด์บ้านเกิดเพื่อค้นหาคำตอบ



โฟกัสของเล่มนี้อยู่ที่การได้รู้ความจริงในอดีตของโร้คที่ทำให้เขาช็อคจนปิดกันตัวเองให้ห่างจากอีฟด้วยความเย็นชาราวกับอีฟเป็นคนแปลกหน้า เป็นเรื่องแรกในความรู้สึกของเราที่ได้เห็นตั้งแต่แต่งงานกันมาว่าทั้งคู่ มึนตึงกันอย่างชัดเจนค่ะ ซัมเมอร์เซ็ตก็ได้รับผลกระทบโทสะของโร้คเช่นกันทำให้เขาและอีฟละทิ้งความเกลียดขึ้หน้ากัน และหารือกันถึงความผิดปกติของโร้ค



หลังจากโร้คเดินทางไปไอร์แลนด์มีเพียงการจดจ่ออยู่กับงานเท่านั้นที่จะช่วยให้เธอไม่ต้องห่วงเขา เมื่อตอนนี้มีเหยื่อเพิ่มขึ้นเป็นสามศพซึ่งทุกคนถูกเลือกด้วยเหตุผลเดียวกันคือความอ่อนเยาว์ สดใสและมีชีวิตชีวา เรายอมรับว่าในส่วนของคดีเรื่องนี้เดาฆาตกรผิดค่ะ และคงเป็นเรื่องแรกด้วยที่รู้สึกสงสารฆาตกร ชอบที่โร้คพูดว่า มันจะง่ายกว่ามากที่เขาจะเป็นคนร้ายกาจ ไม่ใช่คนอ่อนแอที่น่าสงสาร



เล่มนี้ได้เห็นอีฟตระหนักถึงหน้าที่ภรรยาของโร้คชัดเจนขึ้นอีกระดับหนึ่งค่ะ ถึงแม้เธอกำลังติดพันกับคดีฆาตกรรม แต่หนึ่งในกฎการแต่งงานที่เธอยึดถือ ว่าถ้าหากคนใดคนหนึ่งกำลังเจ็บปวดหรือมีปัญหา ก็จะไม่ถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง ดังเช่นที่โร้คกระทำกับเธอเมื่อทั้งคู่ไปดัลลัสเพื่อค้นหาอดีตของอีฟ (ในเล่มอดีตสังหาร) ชอบที่อีฟบอกกับตัวเองว่าเธอมีทีมงานที่เก่ง เธอไม่ใช่ตำรวจคนเดียวในกรม แต่เธอเป็นภรรยาคนเดียวเท่านั้นของโร้ค แต่เธอก็มัวแต่คิดว่าเขาอาจไม่ชอบที่เธอตามไป แต่เมื่ออีฟมองหน้าโร้ค เธอก็รู้ว่า ทำถูกแล้วที่มาหาเขา

ชอบฉากนี้กับปฏิกิริยาของโร้คค่ะที่แค่ได้เห็นอีฟยอมทนนั่งเครื่องบินที่เธอเกลียดมาหาเขาในขณะที่เขากำลังคิดถึงเธอและรู้สึกผิดที่ไม่ชวนเธอมาด้วย เขาก็รู้ว่าโลกของเขาและเธอกลับมาอย่างที่ควรเป็นอีกครั้งแล้ว



เพราะเล่มนี้เราได้เห็นฉากความไม่ลงรอยกันของพระเอกนางเอก อดีตที่คาดไม่ถึงของโร้ค และฆาตกรที่เราเก็งผิดแถมยังเป็นคนที่น่าเห็นใจอีกด้วย ทำให้แต้มออกมาอย่างที่เห็นค่ะ







คะแนนความพอใจ 10/10

ไม่มีความคิดเห็น: