28 มกราคม 2554

เสน่หารอยอดีต (The Pagan Stone) by Nora Roberts

เสน่หารอยอดีต (The Pagan Stone) by Nora Roberts


สำนักพิมพ์ : เพิร์ล จรรย์สมร รัตนชาตะ แปล



เป็นเล่มที่ 3 ในชุด Sign of Seven ซึ่งเป็นเล่มจบแล้วค่ะ เราใช้เวลาเรื่องนี้นานหลายวันซึ่งไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหรอกค่ะเป็นเพราะเราหอบหิ้วไปประเทศลาวด้วยโดยตั้งใจว่าจะอ่านเมื่อพอมีเวลาว่าง แต่ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้ค่ะ



สำหรับใครที่ยังไม่เคยอ่านในสองเล่มแรก เราขอลอกที่เคยเขียนไว้ในพอย่อ ๆ นะคะ เพื่อจะได้อ่านเล่มนี้เข้าใจได้ง่ายขึ้น



เรื่องราวความลึกลับอาถรรพณ์ ทั้งหมดเกิดขึ้นในวันเดียวกัน เริ่มจาก คาล ฟ็อกซ์และเกจ เด็กชาย 3 คนซึ่งเกิดวันเดียวกัน คือวันที่ 7 เดือน 7 ปี 1977 นัดแนะฉลองวันเกิด ครบ 10 ปี ที่ศิลา pagan สถานที่เก่าแก่มีอายุหลายร้อยปี การเฉลิมฉลองทศวรรษแรกของพวกเขากลาย เป็นสิ่งที่ คาล ฟ็อกซ์และเกจ ไม่เคยลืมการผจญภัยเล็ก ๆ ครั้งนี้เลยมันเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขาทั้งชีวิต

เมื่อเวลาเที่ยงคืนในวันเกิดของพวกเขา เป็นวันที่พวกเขาสาบานกันด้วยเลือด เชื่อมโยงเป็นพี่น้องจะเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ต่อกันตราบเท่าที่พวกเขามีชีวิตอยู่ แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันพลันบังเกิดขึ้นเมื่อการสาบานของพวกเขาได้ปลดปล่อยพลังอันชั่วร้ายของปีศาจแห่งการทำลายโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ออกมาสู่เมืองที่เงียบสงบอย่าง ฮอว์กิ้นส์ ฮอลโลว์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เมื่อถึงเดือน 7 ของทุก ๆ 7 ปี เมืองฮอว์กิ้นส์ ฮอลโลว์ จะแปรเปลี่ยนเป็นนรกไป 7 วัน คนในเมืองฮอว์กิ้นส์ ฮอลโลว์ กลายเป็นคนโหดเหี้ยมรุนแรง ถึงขนาดฆ่ากัน พวกเขาทำเรื่องที่ไม่เคยทำมาก่อน ทำลายข้าวของ ทุบตีกัน จุดไฟ ฆ่าตัวตาย และอะไรอื่นอีกมากมายที่ล้วนแล้วแต่เลวร้าย



อย่างไรก็ตาม คาล ฟ็อกซ์และเกจ ขณะที่ปลดปล่อยปีศาจร้ายให้เป็นอิสระ พวกเขาทั้งสามก็ได้รับพลังพิเศษที่สามารถเยียวยาตัวเอง รวมทั้งพรสวรรค์ด้านพลังจิต พร้อมกับหินซึ่งเป็นเครื่องรางที่ได้แยกออกเป็นสามส่วนและพวกเขาได้ประกอบพิธีกรรมอีกครั้งเพื่อหล่อหลวมให้กลับคืนเป็นหนึ่งเดียว



เกจ เทอร์เนอร์ มีพ่อเป็นขี้เมาที่มักระบายอารมณ์โกรธกับเขาด้วยกำปั้นและเข็มขัด เขาอดทนอดกลั้นอยู่กับพ่อจนอายุครบสิบแปด และเดินทางจากเมืองฮอว์กิ้นไปทันที แต่ในทุก ๆ เจ็ดปีเขาจะกลับมาเพื่อช่วยเพื่อนของเขาและ ผู้คนในเมืองแห่งนี้ที่เขารัก แต่หนนี้เกจมีชะตากรรมร่วมกับผู้หญิงอีกสามคน ควินน์ เลย์ล่าและซีบิล



หลังจากวันเกิดอายุครบสิบปีในคืนนั้น เกจก็มีพรสวรรค์ด้วยการมองเห็นภาพเหตุการณ์ในอนาคต และบาดแผลที่หายเองได้เช่นเดียวกับคาลและฟ็อกซ์ ด้วยความที่เป็นคนชอบความท้าทายเขาจึงใช้ชีวิตด้วยการเป็นนักพนันที่ไม่เคยหยุดอยู่ที่เมืองไหนได้นาน

เรื่องราวในเล่มนี้ยังคงหมุนวนอยู่กับการหาข้อมูลเพื่อจะใช้ทำลายทวีสและป้องกันเหตุร้าย ๆ ที่เริ่มส่อเค้าความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาทั้งหกค้นพบสถานที่ซึ่งเป็นจุดปลอดภัยที่ทวีสไม่สามารถเล่นงานชาวเมืองได้และหว่านล้อมให้ชาวเมืองไปรวมตัวกันจนกว่าจะพ้นเจ็ดวันนรก ซึ่งแน่นอนแล้วว่าต้องเป็นที่ศิลา pagan อีกครั้ง พวกเขาพบว่าหินที่พวกเขามีในครอบครอง สามารถปกป้องเมืองนี้ได้แต่ ต้องคิดให้ออกว่าจะใช้หินเป็นอาวุธได้อย่างไร ซึ่งเกจรู้ดีแก่ใจว่าต้องเป็นเขาเท่านั้นที่จะเป็นผู้ลงมือในครั้งนี้





ในส่วนของความสัมพันธ์ของเกจและซีบิล หญิงสาวที่มีพลังที่มองเห็นอนาคตได้เช่นเดียวกับเขา ไม่ได้หวานแหววจนพัฒนาเป็นความรักเหมือนสองคู่แรกค่ะ ด้วยคาแรคเตอร์ที่รักอิสระ ไม่ต้องการข้อผูกมัด เกจไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองรู้สึกกับซีบิล เหมือนอย่างเพื่อนรักสองคนที่ตกหลุมรักเพื่อนของเธอไปแล้ว เขาบอกซีบิลตรง ๆ แบบนี้ล่ะค่ะ ถ้าใครได้อ่านสองเล่มแรกก็คงรู้นะคะเกจพูดน้อยแต่โผงผางมากแต่ตอนนั้นเขายังไม่รู้ใจตัวเองและชะตาได้ลิขิตชีวิตของไว้แล้วอย่างที่เขาเกรง ๆ ที่เห็นตัวอย่างการจับคู่จากเพื่อนนั่นล่ะค่ะ



เราชอบความคิดของเกจที่เขาบอกตัวเองก่อนเดินทางไปที่ศิลาว่าถ้ากล้าที่พอที่จะตาย เขาก็ควรกล้าที่จะบอกความในใจให้ซีบิลรู้ค่ะ โดยรวมสรุปแล้วถึงจะไม่ใช่เล่มที่สนุกที่สุดในชุดแต่ก็คุ้มค่ะที่ได้เห็นฉากความรักฉันเพื่อนของสามหนุ่มที่เย้าแหย่ เกทับกันไปมาตามประสาชายและฉากสารภาพการเสียหนุ่มของพวกเขาต่อหน้าสาว ๆ ด้วยเป็นนอร่าแล้ว พระเอกของเธอทำได้น่ารักมาก ๆ





คะแนนความพอใจ 7/10

ไม่มีความคิดเห็น: