แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ แนวสืืบสวนสอบสวน แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ แนวสืืบสวนสอบสวน แสดงบทความทั้งหมด

28 เมษายน 2555

แกร่งเพราะรัก – Fragile/// Shiloh Walker


ปกหลังของหนังสือเรื่องนี้เรียกความสนใจจากเราได้ดี พอควรค่ะ เป็นแนวสืบสวนที่ชอบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถึงแม้จะเป็นนักเขียนใหม่ที่พึ่งมีเล่มแปลฉบับภาษาไทยแต่เข้าไปค้นที่ เว็บไซด์ไม่น่าเชื่อว่าไชโล  วอคเกอร์ มีผลงานออกมาเยอะมาก
 
 
 
แกร่งเพราะรัก – Fragile/// Shiloh Walker
สำนักพิมพ์ : คริสตัล พับลิชชิ่ง ผู้แปล : จีรณี ปี  2553

                เล่มนี้เป็นเล่มแรกของชุด Fragile series ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับชุดค่ะ ลุค ราฟเฟอร์ตี้ แพทย์ภาคสนามประจำทีมเรนเจอร์ลาออกจากอาชีพทหารหลังจากฟื้นตัวจากอาการบาด เจ็บเขารู้ว่าถ้าไม่ชิงลาออกลุคก็คงถูกเกลี้ยกล่อมให้ไปจบที่การเป็นครูฝึก แทน ซึ่งเป็นงานที่เขาไม่เคยมีในหัวสมอง เพรานั่นเท่ากับยืนยันว่าลุคหมดสภาพอย่างแท้จริง เขาเบนเข็มมาทำงานเป็นแพทย์ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งแทน ใช้ประสบการโชกโชนในสนามรบที่ได้เห็นความทุกข์ยาก บาดเจ็บจนชินตารับหน้าที่หมอในแผนกฉุกเฉินซึ่งแต่ละวันที่ต้องเขารับมือกับ คนไข้ที่เข้ามาก็ไม่ต่างสนามรบย่อย ๆ เหมือนกัน  แม้แทบจะไม่มีเวลาได้เงยหน้ามองผู้คนแต่  เดวอน แมนนิ่ง นักสังคมสงเคราะห์ สาวยังสามารถดึงดูดสายตาของลุคได้สำเร็จ สายงานอาชีพทำให้ทั้งคู่ได้เจอกันบ่อย  ๆ ลุครู้สึกถึงแรงดึงดูดบางอย่างของเขากับเธอ แอบจับตามองเมื่อเผอิญเดวอนมาเยี่ยมเด็กอุปถัมภ์สถานสงเคราะห์ เขา เฝ้ารอจังหวะและโอกาสเหมาะ ๆ จนกระทั่งเดวอนพาเด็กของเธอมาโรงพยาบาลอีกครั้งจังหวะเดียวกับที่ลุคอยู่เวร พอดี เขาจึงตัดสินใจรุก
                เดวอน ในวัยเด็กเคยตกระกำลำบากช่วงหนึ่งของชีวิตเธอต้องนอนอยู่ข้างถนน อดอยากหิวโซ ก่อนหน้านั้นเธอเป็นเด็กกำพร้าจนน้าสาวญาติคนเดียวที่เหลืออยู่รับไปเธอไป ดูแลจนกระทั่งน้าแต่งงานและน้าเขยเข้ามาอยู่ร่วมบ้านตอนเดวอนอายุได้เก้าขวบ หลังจากนั้นชีวิตเธอก็เหมือนตกนรกอยู่ถึงสองปีก่อนจะหนีออกจากบ้านมาเป็น เด็กข้างถนน ติดยาและถูกจับส่งสถานสงเคราะห์ในที่สุด  เมื่อเติบโตขึ้นเดวอนจึงเอาปมด้อยในอดีตของตัวเองอุทิศตัวช่วยเหลือเด็กที่ ถูกพ่อแม่ทำร้ายร่างกาย แต่วันเวลาไม่ได้ช่วยเยียวยาบาดแผลทางใจของเธอได้สำเร็จ เธอขยาดความสัมพันธ์กับเพศตรงข้าม และลุค ตระหนักได้ถึงความกลัวการถูกแตะต้องสัมผัสของเธอและสรุปได้อย่างรวดเร็วว่า อดีตเดวอนพาลพบอะไรเลวร้ายมา
                ช่วงต้นเรื่องก่อนพระเอกนางเอกจะพบกันปูพรมเรื่องค่อนหนักและเครียดค่ะทั้ง อดีตนางเอกและภารกิจของพระเอก หลังจากนั้นก็จะเริ่มสนุกและหวานมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะลุคเริ่มตามตื้อเดวอนและไม่คิดจะจีบเธอเล่น ๆ หลังจากจับได้ว่าเธอกลัวผู้ชายเขาก็เริ่มค่อยเป็นค่อยไปกับเธอ เก็บไม้เก็บมือไว้ห่าง ๆ จนเดวอนต้องตัดสินใจรุกฆาตเสียเองเพราะเข้าใจดีว่าลุคหักห้ามใจมากแค่ไหนราว กับเธอเป็นผู้หญิงเปราะบาง ตรงนี้เองที่เดวอนมองว่าลุคเป็นผู้ชายที่เธอสามารถเชื่อใจว่าจะไม่ทำร้าย เธอ  ช่วงกลางเรื่องจะสนุกและหวานมากความสัมพันธ์ของลุคและเดวอนน่ารักตามประสา หนุ่มสาว ที่คบหาดูใจกันอย่างจริงจัง จนกระทั่งเกิดเรื่องบุคคลลึกลับส่งซากสัตว์เน่าเหม็นมาขู่กรรโชกเขย่าขวัญเด วอน เนื้อหาครึ่งเล่มหลังจึงโฟกัสมาที่เธอเป็นส่วนใหญ่
                หลังจากนั้นเริ่มอ่านแล้วเครียดมากขึ้นค่ะ เหตุผลหนึ่งคืออาชีพของเดวอนต้องพบเจอแต่เรื่องเด็กถูกประทุษร้ายร่างกาย พอมาผสมปนเปกับเรื่องส่วนตัวที่เธอถูกคนบ้าเฝ้าจับตามองยิ่งอ่านยิ่งเครียด กันไปใหญ่  ความจริงแล้วสไตล์พลอตแบบนี้เราคิดว่าเหมาะกับแฟน ๆ ของแพรวนิยายแปลมากกว่านะ ถ้าตัดฉากฮอต ๆ หวาน ๆ ช่วงกลางเรื่องออกไป ก็ใช่เลยล่ะ
            สำนวนแปล ภาพรวมโอเคค่ะ คำสามัญประจำสนพ. ยังคงมีให้เห็นประปราย บ่อย ๆ ก็ จริงง่ะ ริยำ จริงดิ ที่เหลือก็ตามนี้เลย  ร่างกายคึกคักกระดี้กระด๊า หลังจากดู๋ดี๋กันอย่างหนักหน่วง  ทำตัวแม้นแมน  พุ่มพวง  กาแฟดำชนิดแก่งั่ก ๆ  อย่างไรก็ตามคำพวกนี้ก็ยังดีนะที่มาโผล่ในหนังสือนิยายแปลแนวยุคปัจจุบัน พอทำใจรับได้

คะแนนความพอใจ 7

12 กุมภาพันธ์ 2555

in Death 22,22.5 /// J D Robb




 รำลึกสังหาร : Memory in Death


เล่มนี้อยู่ในชุด Indeth อันดับที่ 22 ถ้าไม่รวมเรื่องสั้นซึ่งออกขายพร้อมกับเรื่อง  Haunted in death เมื่องานหนังสือเดือนตุลาคม 54 ที่ผ่านมาค่ะจะว่าไปน่าผิดหวังนะคะที่จากเดิมเคยพิมพ์ขายในงานครั้งละสามเล่มแต่ทางเพิร์ลบอกว่าจะเปลี่ยนเป็นออกทุกสองเดือนแต่จนบัดนี้เรายังไม่เห็นวี่แววเลย

รำลึกสังหาร -Memory in Death /// J D Robb
ผู้แปล  วรรธนา  วงษ์ฉัตร  สนพ. เพิร์ล

เล่มนี้เนื้อหาย่างเข้าสู่ช่วงบรรยากาศของเทศกาลคริสมาสเดือนธันวาคมปี ค.ศ 2059 สองปีแห่งชีวิตการแต่งงานที่นับวันดีขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับของหนังสือค่ะ เป็นอีกครั้งที่ร้อยตำรวจโทอีฟ ดัลลัส แห่งกรมตำรวจนิวยอร์ก ถูกอดีตตามมาหลอกหลอนเมื่อ  ทรูดี้ ลอมบาร์ด มาหาเธอและอ้างตัวว่าเป็นแม่บุญธรรมที่เคยอุปการะเมื่ออีฟอายุเกือบเก้าปี ถ้าอีฟไม่ตกใจด้วยความทรงจำที่เลือนรางจนไล่ตะเพิดทรูดี้อีฟคงรู้ว่าทรูดี้มีจุดประสงค์เพียงสิ่งเดียวเท่านั้นคือแบล็กเมล์เธอ
หลังจากถูกอีฟขับไล่ทรูดี้ก็ตรงดิ่งไปหาโร้คบอกสิ่งที่เธอต้องการถ้าหากเขาไม่จ่ายเงินสองล้านให้เธอ ทรูดี้จะแฉอดีตในวัยเด็กของอีฟให้โลกได้ตกตะลึง การถูกขู่เปิดโปงประวัติในวัยเด็กของอีฟ ใช่ว่าโร้คจะไม่รู้ทันแต่ทรูดี้รู้จักโร้คไม่เท่ากับที่เรา ๆ รู้จักนะคะฉากนี้ที่โร้คปกป้องภรรยาสุดที่รักของเขาจึงดูเหี้ยมซึ่งถ้าเราเป็นทรูดี้คงได้แต่ยืนขาสั่น ปากสั่น
ไม่กี่วันต่อมาอีฟและโร้คตัดสินใจไปพบทรูดี้เพื่อบอกให้ชัดเจนว่าคำขู่ของเธอจะไม่มีวันทำอะไรอีฟได้แต่ทั้งคู่กลับพบว่าทรู้ดี้ได้กลายเป็นศพไปซะแล้ว อีกครั้งที่ได้เห็นโร้คตกเป็นผู้ต้องสงสัยในฐานะที่มีหลักฐานว่าเคยพบทรูดี้
โทนอารมณ์ในหนังสือค่อนข้างผ่อนคลายเพราะอยู่ในช่วงเฉลิมฉลองและการแกะของขวัญ ทั้งอีฟและโร้คยังมีปัญหาขัดแย้งกันในบางเรื่องแต่มักดีเสมอที่เห็นพวกเขาปรับความเข้าใจกันได้หลังจากอารมณ์เดือด ๆ เย็นลง ด้วยความเห็นที่ตรงกันว่าอดีตไม่ใช่ปัญหาของคุณ ของฉัน แต่เป็นปัญหาของเราที่ต้องช่วยกันคลี่คลาย


หลอนสังหาร : Haunted in Death 

หลอนสังหาร : Haunted in Death 

หนังสือเรื่องสั้นเรียงลำดับแล้วก็ 22.5 ความหนาร้อยกว่าหน้าเศษ ๆ ค่ะ  ร้อยตำรวจโทอีฟ ดัลลัส แห่งกรมตำรวจนิวยอร์ก แผนกฆาตกรรม เริ่มต้นงานแรกของเดือนมกราคมปี คศ. 2060 ด้วยความเชื่อลี้ลับของดวงวิญญาณที่สิงสถิตอยู่ในอาคารร้างเลขที่ 12 เมื่อฮอปกิ้นส์ ถูกลวงมาฆ่าในสถานที่ที่เขาเป็นเจ้าของเสียเอง โดยทั้งอาวุธและของมีค่าที่ฆาตกรทิ้งไว้เป็นสัญญลักษณ์บ่งบอกชัดเจนว่าเป็นการแก้แค้นส่วนตัว
อาคารร้างแห่งนี้ซึ่งมีเสียงร่ำลือว่ามีผีสิงของนักร้องสาวคนดังระดับตำนานยุคปี 80 บ๊อบบี้ เบร์ยซึ่งหายสาปสูญไปในขณะที่เธอโด่งดังถึงขีดสุด ว่ากันว่ามีคนพบวิญญาณของเธอตลอดระยะ เวลา85 ปีที่ผ่านมาในอาคารเลขที่ 12 และใครก็ตามที่ได้เป็นเจ้าของมันมักจะเจอเหตุเคราะห์กรรมร้าย ๆ เสมอ อีฟผู้ไม่เคยเชื่อเรื่องผีสาง ลุยสืบคดีนี้เพื่อยืนยันความเชื่อเหลวไหลนี้ซึ่งไม่วายที่เธอและโร้คมีความคิดเห็นแย้งกัน (อีกแล้ว)  
 ขออวดสักนิดหนึ่งนะคะว่าอ่านสองเล่มนี้เราเก็งฆาตกรถูกทั้งสองเล่มเลยแฮะ โดยรวมแล้วถึงแม้จะผ่านมายี่สิบเล่มกว่า ๆ ชุดนี้ก็ยังไม่เคยทำให้เรารู้สึกเบื่อหน่ายเลยค่ะหนำซ้ำทุกครั้งที่อ่านจบเราเกิดความรู้สึกอยากไปคว้าฉากหวาน ๆ ของเล่มเก่า ๆ มาเปิดอ่านอีกไม่งั้นเหมือนกับมันไม่เต็มอิ่ม


สองเล่มคะแนนความพอใจ 8

2 มกราคม 2555

หัวใจนี้เพื่อเธอ : Into The Dark//Cindy Gerard


รูปภาพ
เล่มสุดท้ายของปีและเล่มสุดท้ายของชุด The Bodyguards พอดิบพอดีค่ะ จะว่าไปเรื่องนี้เราก็พอใจนะที่สนพ. ทิ้งระยะไว้ห่างเป็นปี ๆ กว่าจะเข็นออกขายเพราะนางเอกมีประเด็นจากเล่มสามที่ต้องทำใจลืม ๆ ไปให้ได้ซะก่อนตอนที่เราอ่านเล่มสามจบและรู้ว่าเอมี่จะเป็นนางเอกเล่มหกยอม รับเลยว่าตอนนั้นใจหายแว้บ
คิดว่าคงจำกันได้นะคะเหตุการณ์ในเล่มสามที่อีธาน ดัลลัส โนแลนและแมนนี่ เคยช่วยดาร์ซี่และเอมี่ออกจากประเทศฟิลลิปปินส์จากการถูกผู้ก่อการร้ายจับ ตัวไปเหตุผลที่   ดาร์ซี่ถูกจับเราทราบกันแล้วแต่สาเหตุที่เอมี่ถูกลักพาตัวยังคงเป็นความลับ อยู่และไม่กี่วันหลังจากที่เธอได้รับความช่วยเหลือออกมาเอมี่ก็จากไปโดยไม่ ปริปากถึงแต่อย่างใดเธอหายไปอย่างไร้ร่องรอยไม่มีแม้คำอ่ยลา
รายละเอียดหนังสือตามอ่านที่เว็บแก้วกานต์ค่ะ ปกหลัง - หัวใจนี้เพื่อเธอ

หัวใจนี้เพื่อเธอ : Into The Dark 
ผู้แปล พิชญา : Cindy Gerard
แก้วกานต์ พิมพ์ปี 2554

เปิดเรื่องขึ้นมาปริศนาที่เราเกริ่นไว้ตอนต้นถูกเปิดเผยอย่างรวดเร็วค่ะ แท้จริงแล้ว เอ็ดเวิร์ด ตาของเอมี่ เป็นคนบงการให้ลักพาตัวเธอในประเทศฟิลลิปปินส์เมื่อรู้ว่าเธอเข้าใกล้ความ จริงที่เอ็ดเวิร์ดใช้ลูกสาวเป็นหนูทดลองทดสอบทฤษฏีการล้างสมองมนุษย์จนแม่ ของเอมี่ต้องเข้ารักษาตัวที่สถานบำบัดโรคจิต ตลอดหกเดือนที่เอมี่จากดัลลัสมาเธอต้องปิดบังตัวเองปลอมตัวเป็นลูกจ้างเพื่อ จะได้อยู่ใกล้คอยดูแลแม่และหนีการตามล่าของเอ็ดเวิร์ดซึ่งต้องการให้เธอตาย เพื่อปิดปากไม่ให้เธอเปิดโปงงานของเขา แต่การถูกคุกคามครั้งล่าสุดทำให้เอมี่คิดได้ว่าการหนีไม่ได้ช่วยให้เธอเรียก ร้องความยุติธรรมให้แม่ได้ เอมี่จึงหวนกลับมาหาดัลลัส ผู้ชายเพียงคนเดียวที่เธอไว้ใจให้เขาช่วย
ดัลลัสยังเป็นหนุ่มคนเดิมที่เฝ้าแต่คิดถึงเอมี่นับแต่เธอจากไปเขาไม่ สามารถสลัดเธอออกไปจากใจได้ ไม่เคยลืมเธอได้ แต่จู่ ๆ ในคืนฝนตกหนักคืนหนึ่งเธอก็โผล่มายืนหน้าประตูบ้านของเขา จะว่าไปตอนอ่านฉากนี้เราก็หัวอกเดียวกับดัสลัสเลยมีอารมณ์ร่วมไปกับเขาด้วย เมื่อตัวเขาเองก็ต้องสลัดชะตากรรมของเอมี่ทิ้งไปเหมือนกันและพยายามมองแต่ ปัจจุบันว่าตอนนี้เธอยังมีชีวิตอยู่และที่สำคัญเธอกลับมาหาเขาแล้ว
เอมี่ ไม่ใช่ผู้หญิงคนเก่าที่เราเคยรู้จักเมื่อหกเดือนก่อน เธอเข้มแข็งขึ้นฝึกเอาชีวิตรอดด้วยการเรียนศิลปะป้องกันตัว เธอแกร่งขึ้นผิดหูผิดตาในขณะที่ดัลลัสกลับเป็นคนที่กลัดกลุ้มกับสิ่งที่เธอ ถูกระทำมากกว่า และพยายามควบคุมตัวเองปฏิบัติต่อเธออย่างเท่าเทียมไม่ให้เธอรู้สึกว่าเขาคิด ว่าเธอเปราะบางทั้งที่เขารู้เต็มอกว่าเธอเจออะไรมาบ้าง เพราะอย่างนี้กระมังเอมี่จึงจำเป็นต้องเข้มแข็ง เข้มแข็งเพื่อตัวเอง เข้มแข็งเพื่อดัลลัส
ดัลลัสก็มีปีศาจของตัวเองค่ะ เขาเป็นอดีตทหารจากหน่วยรบพิเศษที่ยังมีปมเจ็บปวดจากผลของสงครามแต่ให้ตาย เหอะ! มันเทียบไม่ได้เลยกับเอมี่ ดีแล้วที่คนแต่งไม่ดึงดัน ยืดเยื้อเรื่องของเขามากนัก  ไม่งั้นมันคงน่าเบื่อมากสำหรับเรา
จบชุดนี้แล้วแต่เนื้อหาในเล่มยังไม่จบนะคะเพราะคนแต่งเปิดประเด็นใหม่สาน ต่อองค์กรและเครือข่ายของเอ็ดเวิร์ดที่คลั่งไคล้นาซีและยังมีมนุษย์ทดลอง ซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งทั่วโลก ซึ่งจะเป็นหน้าที่ของหน่วย "Black Ops Inc."  ต้องตามเช็ดตามล้างต่อไปพระเอกนางเอกของเล่มแรกในชุดนี้เปิดตัวแล้วเป็นคู่ รองเล่มหัวใจนี้เพื่อเธอนี่ล่ะมีบทบาทมากพอควรค่ะและขอบอกว่าคู่นี้มันส์มาก แรงด้วยกันทั้งคู่


คะแนนความพอใจ 7

30 ตุลาคม 2554

รักร้อนซ่อนใจ - Over The Edge by Suzanne Brockmann


รักร้อนซ่อนใจ : Over The Edge
ล่มนี้อยู่ในชุดTroubleshooters ซึ่งเป็นลำดับที่ 3 แล้วค่ะบอกตามตรงว่าหยิบเล่มนี้มาอ่านจิตใจเราจดจ่ออยู่ที่คู่ของแซม/อลิสสา เท่านั้น ซึ่งในเล่มที่สอง กรี๊ดกับคู่นี้มาก ๆ อยากรู้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นหรือเลวลงกว่าเดิม ก่อนที่จะเป็นเล่มของพวกเขาเองในลำดับที่หก  เล่มสองจะเห็นว่าอลิสสากับแซมมีปัญหาไม่ลงรอยกันตลอดนั่นเพราะว่าแซมเป็น ผู้ชายไร้มารยาท หยาบคายและพูดจาโผงผางถึงอย่างนั้นเราก็นึกเห็นใจแซมค่ะเพราะในขณะที่เขา เฝ้าพะวงคิดถึงแต่อลิสสาและเมื่อมีโอกาสที่สองที่จะได้ปรับความเข้าใจกัน อลิสสากลับทำเหมือนเขาเป็นคนแปลกหน้า ทำเอาแซมแทบแหลกสลาย เล่มนี้เราจึงโฟกัสไปที่คู่นี้เป็นพิเศษ


รักร้อนซ่อนใจ - Over The Edge by Suzanne Brockmann
สนพ. เกรซ  ผู้แปล  พิชญา   พิมพ์ปี  2554

สแตน  วอลโชน็อคได้ชื่อว่าแก้ปัญหาได้ทุกอย่างจริง ๆของทีมทับเบิ้ลชูตเตอร์ ของหน่วยซีลที่สิบหก เขารับมือกับปัญหาที่ทหารในหน่วยสร้างความเสียหายขึ้น ทุกความผิดพลาดสแตนสามารถหาทางออกให้ได้ นักแก้ปัญหาของหน่วยซีลสิบหกคนนี้จึงถูกเพื่อน ๆ เรียกขานอีกชื่อด้วยความนับถือว่า ซีเนียร์ชิพ
บทบาทของสแตนในฐานะนักแก้ไขปัญหากำลังจะได้รับการพิสูจน์ครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อเขาเสนอตัวเข้าช่วยเทรี่ ฮาวในขณะที่พบว่าเธอถูกนายทหารยศสูงกว่าลวนลามและเพราะชื่อเสียงของเขานี่ เองมันสร้างความไว้ใจให้กับเทรี่มากพอที่จะยอมให้ตัวเองรับความช่วยเหลือจาก เขาโดยการที่สแตนดึงตัวเธอมาช่วยระหว่างการฝึกซ้อมของทีม ขณะนั้นเองที่มีเหตุการณ์อุกอาจเมื่อผู้ก่อการร้ายจี้เครื่องบินสั่งให้ลง จอดที่คาซเบคิสถาน เรียกร้องให้รัฐบาลอเมริกาปลดปล่อยนักโทษที่ถูกตั้งข้อหาก่อการร้ายสองคน สถานการณ์ที่ทีมซีลสิบหกกำลังฝึกซ้อมจึงเปลี่ยนเป็นการปฏิบัติภารกิจจริง ทันที
เมื่อการฝึกซ้อมพลิกผันเป็นเหตุการณ์จริงเทรี่ซึ่งติดร่างแหมากับทีมซี ลสิบหกด้วยปฏิเสธสแตนที่พยายามสั่งให้เธอกลับ เธอฉวยโอกาสนี้จะหาเหตุใกล้ชิดกับสแตนผู้ชายเพียงคนเดียวที่สามารถทำให้เธอ รู้สึกปลอดภัย แต่สแตนพยายามรักษาระยะให้ห่างจากเธอตลอดระยะเวลาที่พวกเขารอให้ทีมเจรจาจาก เอฟบีไอทำงานเพื่อดึงเวลาจากผู้ก่อการร้าย สแตนบังคับตัวเองคงระดับความสัมพันธ์กับเทรี่ไว้แค่เพื่อนร่วม
เท่านั้น ไม่ใช่ว่าเขาไม่สนใจเธอ ตรงกันข้ามเขาถึงกับเก็บเอาเธอไปฝันด้วยซ้ำ แต่เพราะเขาคิดแบบเจียมตัวว่าเขามียศต่ำกว่า และเธอควรได้เจอผู้ชายที่เหมาะสมกว่าเขา ทั้งที่เทรี่ก็ส่งสัญญาณให้เขาได้รับรู้ว่าเธอแคร์เขา  เทรี่แทบจะเฟลิ้ตส์กับสแตนด้วยซ้ำไปแต่ความสุภาพที่เขาคอยแสดงออกทำให้เธอ ไม่กล้าและเทรี่กลัวว่าเธออาจอับอายถ้าเขาเอ่ยปากผลักไสเธอตรง ๆ แต่เธอคิดผิดอย่างมหันต์เพราะสแตนแก้ปัญหาได้แสบสันต์จริง ๆ เมื่อเขาทำตัวเป็นพ่อสื่อยัดเหยียดเธอให้กับมัลดูน หนุ่มซีลรุ่นน้องซึ่งทำเอาเทรี่สติแตกระเบิดอารมณ์ใส่สแตน ซึ่งฉากนี้สะใจเรามาก ๆ
เราชอบเทรี่ค่ะ ในส่วนของความรู้สึกที่เธอรู้ใจตัวเองว่าต้องเป็นสแตนคนเดียวเท่านั้น มีเพียงเขาที่เธอต้องการทั้งที่ตัวเธอมีหนุ่มซีลโสด ๆ ทั้งหล่อเหลาและสุดแสนจะเซ็กซี่อยู่รายรอบ
สำหรับคู่ของแซมและอลิสสาที่เราให้ความสนใจมากเป็นพิเศษเล่มนี้พูดได้ไม่ เต็มปากว่าพวกเขาขโมยซีนคู่หลักได้อีกครั้งเหมือนเล่มที่สอง เพราะคู่ของสแตนและเทรี่ได้ใจเราไปเต็ม ๆ ค่ะ  อลิสสายังคงเป็นเบอร์หนึ่งของเอฟบีไอที่ถูกตามตัวมาเป็นเจ้าหน้าที่เฝ้า สังเกตการณ์ในการทำภารกิจของหน่วยซีลที่คาซเบคิสถานเช่นกันแน่นอนว่าเธอต้อง พบเจอกับแซมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ในโลกของนิยายเราคงต้องโทษโชคชะตาที่เล่นตลกจนทำให้ทั้งคู่ต้องลงเอยด้วย การจากกันในท้ายที่สุด  แต่ในโลกของความเป็นจริงเราชักเริ่มจะหงุดหงิดซูซานเพราะเธอช่างหาเหตุให้ เราต้องรออ่านเล่มของคู่นี้ยาวไปถึงเล่มหกจนกลัวใจตัวเองว่าเมื่อถึงตอนนั้น จะเหลือความสนุกอะไรให้เราได้อ่านรึเปล่า
โดยรวมแล้วเล่มนี้เป็นเล่มที่สนุกค่ะ จะว่าไปก็สนุกขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับหนังสือนั่นแหล่ะ ได้เห็นด้านที่อ่อนแอของหนุ่มซีลหลายคนทีเดียวทั้งที่ในภาคสนามพวกเขา ปฏิบัติภารกิจอย่างเข้มแข็ง กล้าหาญจนถูกขนานนามว่าเป็นฮีโร่ แต่ใครจะคิดว่าถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความรักแล้วพวกเขาก็หลั่งน้ำตาให้ กับผู้หญิงของเขาได้อย่างง่ายดายเช่นเดียวกับการลั่นกระสุนสังหารคนเลว เหมือนกัน


คะแนนความพอใจ 8+

ปล.  ตัวละครที่คุ้นเคยสำหรับใครที่รออ่านด้วยใจจดจ่อ

-Out of Control (The fourth book in the Troubleshooters series)// Ken Karmody.

-Into the Night (The fifth book in the Troubleshooters series)// Mike Muldoon

-Gone Too Far (The sixth book in the Troubleshooters series)///Sam Starrett

***Breaking Point (The ninth book in the Troubleshooters series)Max Bhagat , Gina Vitagliano   ชอบแมกซ์ค่ะ เล่มนี้ให้เวลาคนอ่านทำใจ ก้อโอเคนะ

-Breaking the Rules (Book 16 in the Troubleshooters series)// Izzy Zanella

21 ตุลาคม 2554

วิกฤตการณ์รัก-Under the Wire///Cindy Gerard


รูปภาพ
จริง ๆ แล้วตั้งใจจะอ่านเล่มสามของชุดทรับเบิ้ลชู๊ตเตอร์ค่ะแต่เผอิญไปเปิดอ่านบทนำ ของอีเดนเล่มห้าเหลือบไปเห็น บก.บอกว่านางเอกเรื่องนี้เคี้ยวหญ้าอ่อน ๆ เท่านั้นแหล่ะเราก็เปลี่ยนคิวลัดอ่านเรื่องนี้แทนทันทีคลิ๊กเข้าไปอ่านราย ละเอียดเรื่องย่อของแต่ละเล่มที่แปลแล้วได้ที่เว็บไซด์สนพ. แก้วกานต์ค่ะ

 เล่มหนึ่ง องครักษ์หัวใจ
เล่มสอง ปมรักปมพยาบาท
เล่มสาม รักที่หวนคืน
เล่มสี่  ปมรักปมลวง


วิกฤตการณ์รัก-Under the Wire///Cindy Gerard
สำนักพิมพ์ : แก้วกานต์  แปล : พิชญา พิมพ์ปี  2554

ว่าด้วยสถิติความพอใจของชุดนี้แล้วพูดได้เต็มปากเลยว่า เล่มสี่ เป็นเล่มที่เราโปรดปรานมากที่สุดพระเอกน่ารักสุด ๆ   ในส่วนของเล่มที่ห้านี้เป็นเรื่องของแมนนี่  ออร์เตการ์ซึ่งเป็นเพื่อนรักของอีธานพี่ชายคนโตของครอบครัวการ์เร็ต ถ้าใครได้อ่านเล่มของอีธานอาจจะจำเขาได้เพราะแมนนี่ก็เป็นหนึ่งในทีมที่เดิน ทางบุกป่าฟิลิปปินส์ไปช่วยเหลือดาร์ซี่ภรรยาเก่าของอีธาน
เริ่มต้นเรื่องจะเป็นฉากที่แมนนี่ถูกทหารของรัฐบาลเผด็จการนิคารากัวจับ ตัวไปโดยตั้งข้อหาว่าเขาเป็นสายลับของฝ่ายกบฏ แต่แมนนี่ก็ฉวยโอกาสหนีรอดไปได้ในระหว่างทางซึ่งก็ทำให้เขาแทบเอาชีวิตไม่ รอดหนังสือจะทิ้งท้ายไว้ตรงนี้พร้อมกับความเคียดแค้นชิงชังที่แมนนี่มีต่อลิ ลลี่ เพราะเขาปักใจเชื่อว่ามีเพียงเธอที่เปิดโปงความลับของเขา  แล้วเรื่องราวจะเล่าย้อนกลับไปในตอนที่ทั้งคู่พบกันครั้งแรกค่ะ
ลิลลี่ พยาบาลวัยยี่สิบแปดปี หนึ่งในทีมแพทย์อาสาช่วยเหลือประชาชนของ  นิคารากัวในช่วงภาวะสงครามกลางเมือง เธอกำลังรู้สึกหดหู่ที่ต้องสูญเสียเพื่อนคนหนึ่ง เมื่อได้พบแมนนี่ ทหารหนุ่มวัยสิบแปดปีซึ่งกล้าหาญและบ้าระห่ำที่จีบเธอระหว่างงานเลี้ยงที่ รัฐบาลจัดขึ้น  เขาเสนอสัมพันธ์สวาทกับเธอ ปลอบประโลมให้เธอผ่อนคลาย สำหรับลิลลี่แล้วถ้าไม่ใช่เพราะเพื่อนรักตาย ถ้าไม่ใช่เพราะเธออยู่ใน นิคารากัว เธอคงปฏิเสธเขาไปแล้ว แต่แมนนี่มอบความรู้สึกดี ๆ ให้ลิลลี่มากพอที่จะทำให้เธอรู้สึกว่าการมีค่ำคืนที่แสนหวานกับผู้ชายน่ารัก คนหนึ่ง คนที่ต้องการเธออย่างแท้จริงช่างเป็นจังหวะเวลาที่ถูกต้องเหมาะสมจริง ๆ
เราไม่มีข้อสงสัยใด ๆ เลยค่ะว่าทำไมลิลลี่ถึงยอมจำนนต่อแมนนี่อย่างง่ายดายนักจะบอกให้ก็ได้ว่าแมน นี่เป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบสุด ๆ เท่าที่พระเอกโรมานซ์คนหนึ่งจะเป็นได้ เขาแฝงตัวมาในฐานะทหารคนหนึ่งแต่เบื้องหลังแล้วแมนนี่คือสายลับของกลุ่มกบฏ คอนทราที่มีเป้าหมายจะโค่นล้มรัฐบาลเผด็จการซึ่งเขาไว้ใจลิลลี่มากพอที่เปิด เผยความลับนี้ให้เธอรู้หลังจากที่ทั้งคู่เป็นคนรักกันได้แค่สัปดาห์เดียว แต่หลังจากนั้นมันคือหายนะล้วน ๆ สำหรับแมนนี่ เขารักเธอ ไว้ใจและเชื่อใจลิลลี่ซึ่งก็หมายถึงเขาได้มอบชีวิตทั้งชีวิตให้อยู่ในกำมือ เธอ
หลายปีต่อมา ด้วยความบังเอิญลิลลี่พบว่าแมนนี่ยังคงมีชีวิตอยู่ ไม่ได้ตายอย่างที่เธอเข้าใจ แมนนี่เป็นตำรวจในบอสตัน เธอจึงดิ้นรนเพื่อหาทางมาทำงานที่ศูนย์การแพทย์แห่งหนึ่งโดยหวังว่าสักวัน หนึ่งเธอคงจะรวบรวมความกล้าเพื่อเผชิญหน้ากับเขาได้  แมนนี่กำลังทำคดีสุดท้ายก่อนจะลาออกจากอาชีพตำรวจเพื่อไปทำงานเป็นบอดี้ การ์ดให้กับบริษัทอีเดนอิงค์ตามที่อีธานและน้อง ๆ ของเขาชักชวนไว้  เมื่อจู่ ๆ ลิลลี่ก็โผล่มาพร้อมกับขอให้เขาช่วยเหลือ อดัมลูกชายวัยสิบหกปีของเธอซึ่งถูกลักพาตัวไปในศรีลังกาขณะไปเป็นนักเรียนใน โครงการแลกเปลี่ยนและมีความเป็นไปได้สูงว่าคนที่ลักพาตัวอดัมไปเป็นกลุ่มผู้ ก่อการร้ายที่หวังผลทางการเมือง
หลายปีของความเกลียดชังเป็นเรื่องยากที่แมนนี่จะทำใจยอมรับลิลลี่ได้ง่าย ๆ ได้ แต่แมนนี่รู้อยู่อย่างหนึ่งว่าถึงแม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน เขาก็ไม่เคยลืมเธอได้ ลิลลี่เองก็พบว่าเขาปฏิบัติต่อเธอด้วยความเย็นชา กล่าวหาว่าเธอทรยศ โกหกและหลอกลวง ความชิงชังของเขายังคงเป็นเส้นแบ่งกั้นไม่ให้เธอเข้าถึงเข้าได้
เงื่อนไขเวลาของเล่มนี้เป็นปัญหาที่เราคาใจมากที่สุดค่ะ ไม่ชอบเลยที่ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมากจนเกินไปกว่าพระเอก นางเอกจะได้พบกันอีกครั้ง และเมื่อได้พบกันแล้วก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสปรับความเข้าใจกันมากนัก เพราะส่วนหนึ่งต้องสิ้นเปลืองไปกับการตามหาอดัม แต่ข้อดีอย่างหนึ่งของเรื่องนี้คือในขณะที่อ่านเราจะไม่รู้สึกเลยว่านางเอก มีอายุมากกว่าพระเอกมากกกก


คะแนนความพอใจ 7

8 ตุลาคม 2554

เพลิงร้อนซ่อนรัก - Heat Of The Moment///Jessica Hall


รื่องนี้เป็นเล่มต่อจาก เพลิงร้ายไฟรัก ซึ่งขอสารภาพว่าลืมดับไปแล้วค่ะยังดีที่เขียนรีวิวเรื่องนี้ไว้แต่เห็นคะแนนแล้วถึงบางอ้อว่าทำไมเราลืมได้ขนาดนี้มีข่าวดีที่น่าลุ้นของค่ายแพรวนับแต่ประกาศไว้ในเฟซบุ๊คว่าจะไม่มีการตัดฉากเลิฟซีนโดยเริ่มจากการพิมพ์หนังสือเงารักซ่อนเงื่อน ของ แซนดร้า บราว์ ใหม่อีกครั้งนั้น บอกกันแต่ตอนต้นเลยแล้วกันว่า เล่มนี้เป็นเล่มแรกที่เราเห็นค่ะว่าเขาทำตามที่พูดหลังจากผิดหวังอย่างแรงกับสาปรักข้ามเวลา เล่มสองของ คาเรน มารี โมนนิ่ง (ทุกวันนี้ยังเสียใจและผิดหวังมาก ๆ )
เพลิงร้อนซ่อนรัก : Heat of The Moment

เพลิงร้อนซ่อนรัก - Heat Of The Moment///Jessica Hall
สำนักพิมพ์ : แพรวสำนักพิมพ์  ผู้แปล : ธนัชชา สวัสดิ์ศรีสุข
พิมพ์ปี 2554


เรื่องนี้มีบางประเด็นที่พาดพิงถึงตัวละครเก่าจากเล่มแรกบ้างแต่ก็สามารถอ่านได้รู้เรื่องค่ะไม่จำเป็นต้องอ่านเรียงกัน   ถึงทีของคอร์ท แกมเบิล พี่ชายเจดี (พระเอกเล่มหนึ่ง) กันบ้าง ซึ่งถ้าใครอ่านมาบ้างคงทราบดีกว่าคอร์ทกับแทรีซึ่เป็นคู่หูของเจดี ไม่ค่อยจะชอบขี้หน้ากันนัก ตอนนี้คอร์ทได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าหน่วยอัคคีภัย แทรี่ยังคงเป็นนักสืบแผนกฆาตกรรมเธอรู้จักกับคอร์ทมาสิบปีผ่านทางเจดีแต่ทั้งคู่ก็ยังคงสงวนท่าทีไม่เคยส่อพิรุธให้อีกฝ่ายรู้ว่าแอบแคร์อยู่ อย่างไรก็ตามในค่ำคืนที่เมามายคืนหนึ่งคอร์ทมาหาแทรี่และมีสัมพันธสวาทแบบชั่วข้ามคืนด้วยกัน เช้าวันรุ่งขึ้นเขาก็จากไปโดยไม่มีคำอธิบาย และหลังจากนั้นก็แสดงให้เธอเห็นชัดเจนว่าเขาไม่ต้องการเจอะเจอเธออีกต่อไป แน่นอนว่าแทรี่ย่อมเจ็บปวดกับพฤติกรรมที่พยายามกันตัวเองให้ห่างจากเธอ ประกาศใส่หน้าเธอโต้ง ๆ ว่าไม่ต้องการมีเธอเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขา แต่เหตุการณ์ไฟไหม้ที่ทำให้มีคนตายสิบกว่าศพ ทำให้ทั้งคู่ต้องทำงานร่วมกัน
แทรี่กำลังโล่งใจว่าเธอไม่ต้องแข็งใจทำงานร่วมกับคอร์ทเพราะเธอกำลังรอคำสั่งย้ายให้ไปอยู่หน่วยปราบปรามคดีอาชญากรรมตามที่ตัวเองยื่นขอไป แต่การรายงานตัววันแรกแทรี่ก็ได้รับมอบหมายคดีให้ตรวจสอบคอร์ท ซึ่งตกเป็นผู้ต้องสงสัยลับ ๆ ว่ารับเงินสินบนของตระกูลเบลาฟินี มาเฟียอันดับต้น ๆ ของนิวออร์ลีนส์ และมีความเป็นไปได้ว่าเขาอาจเกี่ยวข้องกับคดีวางเพลิงล่าสุดนี้ด้วย ตามแผนที่วางไว้แทรี่ต้องถูกส่งตัวไปเป็นเจ้าหน้าที่คอยประสานงานคดีวางเพลิงเพื่อจะได้อยู่ใกล้ชิดกับคอร์ทคอยสอดแนมและตามติดเขา หาหลักฐานเพื่อจะมัดเขาให้แน่นหนาเชื่อมโยงเขากับตระกูลเบลาฟินีให้ได้
แต่ถึงแม้คอร์ทจะปฏิบัติต่อเธออย่างเลือดเย็น ไม่เคยปิดบังแสดงท่าทีชิงชังเธอก็ตาม  แทรี่ก็ซื่อสัตย์มากพอที่จะไม่เชื่อตามที่เจ้านายคนใหม่กล่าวหาเขา แต่เมื่อชื่อของคอร์ทตกเป็นผู้ต้องสงสัยเบอร์หนึ่งของหน่วยปราบปรามคดีอาชญากรรม แทรี่จึงจำต้องหาข้อพิสูจน์และล้างมลทินให้คอร์ท เธอรู้ทันด้วยว่าเจ้านายพยายามกดดันใช้เธอเป็นเครื่องมืออาศัยว่าแทรี่สนิทกับครอบครัวของคอร์ท  เธอรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากลว่าเจ้านายต้องมีอะไรบางอย่างปิดบังอยู่ จะดีหรือร้ายในเมื่อคอร์ทตกเป้า แทรี่ก็ถอยหลังไม่ได้อีกต่อไป
ระหว่างที่หลายฝ่ายระดมกำลังหาหลักฐานคลี่คลายคดีไฟไหม้ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่มือวางเพลิงเป็นคนที่คอร์ทตามล่าตัวมานานหลายเดือนแล้ว คนร้ายก็ไม่หยุดยังคงลงมือฆ่าอย่างต่อเนื่องแต่เป้าหมายมีความชัดเจนแล้วว่าเหยื่อจะเคยเป็นคนรักเก่าของคอร์ทมาก่อน  คอร์ทและแทรี่จึงถูกบังคับให้เสแสร้งเป็นคู่รักกัน เพื่อล่อฆาตกรออกมา
เริ่มต้นเรื่องนี้เราคิดว่าคนแต่งทำได้ดีนะคะ น่าติดตาม แต่พออ่านมาถึงกลางเรื่องชักเริ่มหงุดหงิดตำรวจไม่มีฝีมือปล่อยให้คนร้ายก่อเหตุคนแล้วคนเล่าอย่างง่ายดายไม่ทันเกมฆาตกรเลยสักนิดส่วนของการสืบสวนเดินเรื่องอืดอาดและน่าเบื่อ  แผนที่ให้คอร์ทกับแทรี่แกล้งเป็นคนรักกันโคตรจะมั่วและดูงี่เง่ามาก ๆ เราคิดว่ามันทำให้แทรี่สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไป คิดดูเถอะว่าแทรี่ต้องแปลงโฉมเป็นสาวสังคมให้สมกับฐานะคนรักหมาด ๆ ของคอร์ทหนุ่มคลีโอลซึ่งถือว่าเป็นชนชั้นสูงในนิวออร์ลีนส์ (ยังกับคนร้ายมันโง่พอที่จะไม่รู้ทัน) เราเลยต้องทนอ่านฉากเธออาละวาดกับพวกช่างแต่งหน้า ทำผม ช่างเสื้อ อย่างเซ็ง ๆ
เรื่องนี้บุคลิกของแทรี่โดนใจเราค่ะ เป็นสไตล์ของนางเอกที่ชอบเลยล่ะ ยืนหยัดอยู่เพียงลำพังเธอมีครอบครัว มีเพื่อน แต่ก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียวในโลก ค่อนข้างทอมบอยนิด ๆ มีพาหนะฮาร์เลย์คู่กาย ดูเท่ดีค่ะ  เราชอบเนื้อหาในส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างคอร์ทและแท่รี่ด้วยค่ะ ถึงแม้จะเกลียดคอร์ท เราไม่เข้าใจว่าคอร์ทมีปัญหาอะไรที่ปากหนักไม่ยอมเปิดใจกับแทรี่ ไม่ชอบมาก ๆ ที่เขาต้องให้คนอื่นชี้ทางสว่างให้  แต่โดยรวมแล้วเล่มสองสนุกว่าเล่มแรกเยอะค่ะ


คะแนนความพอใจ 7+

28 กันยายน 2554

เลียนแบบสังหาร (Imitation in Death) by J.D Robb

เลียนแบบสังหาร : Imitation in Death
คงไม่ต้องสาธยายให้มากความอีกแล้วสำหรับชุด indeath ว่าเราหลงใหลคลั่งไค้ลมากแค่ไหน
ซึ่งมีแต่จะหวานชื่นมากยิ่งขึ้น แบบที่โร้คบอกค่ะว่าเขาและอีฟมีแต่จะมากขึ้นเรื่อย ๆ
เล่มนี้เป็นเล่มที่สิบเก้า(รวมเรื่องสั้น) และหมายถึง การย่างเข้าสู่ปีที่สองของการใช้ชีวิตคู่ระหว่างอีฟกับโร้ค 

 เลียนแบบสังหาร (Imitation in Death)  by J.D Robb
สำนักพิมพ์เพิร์ล  จรรย์สมร  รัตนชาตะ  ผู้แปล

เริ่มต้นเรื่องด้วยเหยื่อรายแรกซึ่งเป็นคู่นอนมีทะเบียนถูกกฎหมาย ถูกฆ่าปาดคอและเฉือนอวัยวะพร้อมทั้งคนร้ายได้ทิ้งจดหมายบนซากศพที่เหลืออยู่ให้อีฟ   เพื่อประกาศผลงาน ทั้งการเลือกเหยื่อ สถานที่ วิธีการหรือแม้กระทั่งการเขียนจดหมายถึงตำรวจ มันคือการเลียนแบบฆาตกรดังในอดีต แจ็ค เดอะ ริปเปอร์
กระดาษเขียนจดหมายถึงอีฟกลายเป็นเบาะแสที่ทำให้เธอสืบสาวไปถึงผู้ต้องสงสัยคนดัง มีชื่อเสียงซึ่งเป็นที่รู้จักหลายคนไม่ว่าจะเป็นนักการทูต นักเขียนแนวอาชญากร นักร้องนักแสดง ในเวลาเดียวกับที่มีเหยื่อเพิ่มขึ้นอีกรายซึ่งเป็นม่าย ตายในลักษณะเดียวกับ อัลเบิร์ต เดอซัลโว  นักฆ่ารัดคอแห่งบอสตัน เคยก่อไว้เป็นอีกครั้งหนึ่งที่อีฟต้องตามล่าฆาตกรที่เกลียดชังผู้หญิง คนร้ายที่นิยมฆาตกรต่อเนื่องที่โด่งดังในอดีตที่เคยสร้างความฮือฮา เขาเลียนแบบฆาตกรเหล่านั้น  เฝ้าสังเกต เลือก ติดตามและวางแผนเพื่อฆ่า คนร้ายลงมือฆ่าไปแล้วสองศพอีฟแน่ใจว่าคนร้ายจะยึดรูปแบบนี้อีกและเธอแน่ใจว่าเป้าหมายสุดท้ายของคนร้ายก็อาจเป็นเธอนั่นเองเล่าเรื่องในส่วนของปมคดีไปแล้วต่อไปก็ขอเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างการสอบสวนของอีฟซึ่งเล่มนี้มีการใส่ใจในรายละเอียดที่อีฟถูกร้องเรียนว่าเข้าข้างนาดีนนักข่าวทีวีที่มักได้ข่าวเด็ด ๆ ไปเสมอ (เราก็สงสัยมานานแล้วค่ะว่าอีฟอาจถูกเพ่งเล็งสักวัน)มีฉากที่อีฟต้องแต่งตัวสวยเพื่อไปร่วมงานกับสามีอีกแล้วค่ะ เราชอบความต่างของเธอตรงนี้นะคะแม้แต่โร้คเองเขาก็นึกสงสัยว่าอีฟจะรู้ไมว่าเขาตื่นเต้นและชอบมากแค่ไหนที่ได้เห็นอีฟในอีกแบบหนึ่งหลังจากวิ่งไล่ตามล่าฆาตกรมาทั้งวัน คำตอบของอีฟสั้น ๆ ค่ะ เพราะความรักเป็นเหตุผลเดียวของเธอแล้วไหนจะคำถามที่พีบอดดี้ถามอีฟว่า  น. 282

“คุณหายรู้สึกแบบนั้นเมื่อไหร่ นานแค่ไหนคุณถึงรู้สึกว่าการอยู่กับโร้ค การอยู่ร่วมบ้านและอะไรต่อมิอะไร เป็นเรื่องปกติ”

“รู้สึกแบบนั้นเมื่อไหร่แล้วจะบอก”      ว้าว  ได้ใจไหมคะ สาวห้าวของเรา

ไม่พูดถึงพ่อบ้านคนนี้ไม่ได้หรอกค่ะเพราะซัมเมอร์เซ็ตกลับมาแล้วหลังจากไปพักผ่อนเสียนาน ยังคงทักทายกันเช่นเดิมด้วยความคิดถึงเรื่องที่อีฟจอดรถและเสื้อคลุมของเธอ 

มีประเด็นหนึ่งในเล่มก่อนหน้าที่คุณหมอหลุยส์กับชาลส์ คู่นอนมีทะเบียนหรือผู้ชายขายตัวนั่นล่ะค่ะ ตกลงเป็นคู่รักกัน เราก็รู้สึกแปลกไม่เชิงรังเกลียดนะคะ ไม่รู้คนอื่นอ่านแล้วรู้สึกยังไงกันบ้างแต่ในเล่มนี้มีฉากที่อีฟพูดถึงเรื่องนี้กับโร้คค่ะ เธอก็สงสัยเหมือนเรา  ว่าหลุยส์ปะทะกาย(ยืมพี่ติ๊กมา) กับชาลส์ได้ยังไง ทั้งที่ก็รู้ว่าเขาจะทำอย่างเดียวกันกับลูกค้าไม่รู้กี่คนที่นัดไว้ โร้คตอบว่า  น.115
“เพราะมันไม่เหมือนกัน  คนหนึ่งทำตามความรู้สึกส่วนตัว อีกคนหนึ่งทำเพราะอาชีพ มันเป็นงานของเขา”

อีฟบอกว่าเป็นเหตุผลที่ไร้สาระ เธอสมมติว่าถ้าเธอเป็นคู่นอนมืออาชีพ โร้คจะทำใจได้ไหมในขณะที่ปะทะกายกับผู้ชายอื่น   คำตอบของโร้คไปหาอ่านเองนะคะ น.116 มิสามารถเขียนถึงได้ค่ะ

 ยังมีฉากน่ารักชนิดอ่านไปยิ้มไปอีกเยอะค่ะ เราไปโม้ไว้ที่บอร์ดคุณเมย์ไว้หลายฉากเหมือนกัน  ไม่ผิดหวังเหมือนเช่นทุกครั้งค่ะสำหรับชุดนี้

คะแนนความพอใจ 9/10

27 กันยายน 2554

กบฏแห่งหัวใจ : The Defiant Hero By Suzanne Brockmann

กบฏรักแห่งหัวใจ : The Defiant Hero

กว่าสามเดือน ไม่น่าเชื่อว่าเราไม่ได้อ่านนิยายแนวสืบสวนเลย ไม่ใช่ว่าหันหลังเลิกชอบนะคะแต่เพราะไม่มีแปลออกมาต่างหาก ทั้งโหยหาและเซ็ง สุด ๆ เลยล่ะ ฉะนั้นอย่าแปลกใจเมื่อเราไม่ลังเลสักนิดที่จะแซงคิวเรื่องอื่นหยิบเล่มนี้มา อ่านทันทีที่ได้รับกล่องไปรษณีย์มาส่งมือไม้สั่น


กบฏแห่งหัวใจ : The Defiant Hero By  Suzanne  Brockmann
เกรชพับลิชชิ่ง  แปล : พิชญา

ชุด ทรับเบิลชูตเตอร์  เล่มที่สองต่อจาก รักนี้ชั่วนิรันดร (The Unsung Hero)  เริ่มเรื่องได้ตื่นเต้นเมื่อ มาร์กาเร็ต เดอแลนซี่ มัวร์  เจ้าหน้าที่สถานทูต พบฝันร้ายกลางวันแสก ๆ เมื่อเธอได้เผชิญหน้ากับผู้ก่อการร้ายหัวรุนแรงชาวคาซเบคิสถานพร้อมกับบอก ข่าวร้ายให้รู้ว่าตอนนี้ลูกสาววัยสิบขวบและยายของเธอถูกจับเป็นตัวกันแล้ว และขึ้นอยู่เธอที่จะทำให้ทั้งสองมีชีวิตรอดปลอดภัย  ข้อแลกเปลี่ยนคือเม็กต้องใช้ฐานะที่เธอทำงานสถานทูต คาซเบคิสถานหาตัว ออสมาน  ราชีน ผู้นำกลุ่มกองกำลังอิสลามแห่งคาซเบคิสถานคู่แข่งของกลุ่มหัวรุนแรงและฆ่าเขา ซะ  ด้วยความสิ้นหวังเม็กรู้ตัวเองดีว่าเธอคงไม่มีทางทำเรื่องนี้ได้สำเร็จ เพียงลำพัง และถ้ามีใครสักคนที่เม็กจะขอความช่วยเหลือได้คงมีเพียง จอห์น นิลสัน ผู้นำหน่วยซีลที่ 16 กองทัพเรือสหรัฐอเมริกา
 จอห์น พบเม็กครั้งแรกเมื่อสามปีก่อนขณะที่เขาและทีมหน่วยซีลทำภารกิจช่วยเหลือใน สถานทูต คาซเบคิสถาน ทั้งคู่เริ่มต้นจากมิตรภาพแบบเพื่อน สงวนท่าทีและระมัดระวังที่จะไม่แสดงความสนใจกันและกันอย่างเปิดเผย แต่จอห์นก็ไม่อาจห้ามความรู้สึกที่มีต่อเธอไปได้ทั้งที่รู้เต็มอกว่าเธอเป็น ของต้องห้าม มีเจ้าของแล้วก็ตาม  เขาเก็บกักความต้องการเม็ก เพราะอยากจะทำให้เป็นเรื่องที่ถูกต้อง ยับยั้งใจตัวเองไม่ให้ข้ามเส้นแบ่งของศีลธรรมและเดินจากเธอไป  ในสถานการณ์ที่เม็กจับตัวทูตของคาซเบคิสถาน กับเจ้าหน้าที่ทูตอีกสองคน เป็นตัวประกัน เธอจึงเป็นสุดท้ายในชีวิตที่เขาคิดว่าจะเห็นยืนถือปืนคุมตัวประกันใน สถานการณ์รุนแรงแบบนี้
 พลอตเล่มนี้ใกล้เคียงเล่มแรก นางเอกเป็นคนรักเก่าที่มีโอกาสหวนกลับมาเจอกันอีกครั้งและเป็นเสมือนการให้ โอกาสครั้งที่สองกับจอห์นที่จะได้สานต่อความสัมพันธ์เมื่อเม็กเป็นอิสระไร้ ข้อผูกมัด แต่หลังจากสามปีที่จากกันเม็กกลายเป็นผู้หญิงอีกคนจอห์นพบว่าเธอเพียงหลอก ใช้เขาเพื่อทำตามวิธีการของเธอพลิกสถานการณ์และฉวยโอกาสหลบหนีพร้อมกับ เสี่ยงตายเพื่อช่วยลูกสาว แต่การต่อต้านและรับมือกับผู้ก่อการร้ายเป็นงานถนัดของเขา ถ้าเพียงแต่เม็กเชื่อและไว้ใจจอห์น

“ช่วยผม...ด้วยการยอมให้ผมช่วย”

ช่วงต้นเรื่องเราไม่มีปัญหากับพลอตรักต้องห้ามเรื่องนี้ค่ะ เพราะทั้งคู่ไม่มีพฤติกรรมให้ชวนไม่น่าไว้ใจ จอห์นย้ำกับตัวเองเสมอว่าเม็กเป็นผู้หญิงที่เขาไม่สมควรแตะต้อง เม็กคิดว่าตัวเองเป็นแค่เพื่อนแก้เหงาฆ่าเวลา เธอไม่เคยหวังว่าเขาจะจริงจังอาจเพราะจอห์นมีอายุอ่อนกว่าเธอถึงหกปี  เป็นธรรมดาที่พระเอกเป็นมืออาชีพและเราต้องลุ้นนางเอกว่าเธอดื้อจนทำพาตัว เองไปตกอยู่ในอันตรายรึเปล่า หรือทำผิดพลาดแบบโง่ ๆ ซึ่งสุดท้ายก็พระเอกน่ะแหล่ะมาช่วยเธอให้รอด เรื่องนี้เช่นกันค่ะ จอห์นพยายามทุกทางพูดโน้มน้าวให้เม็กวางมือและปล่อยให้มืออาชีพจัดการปัญหา แทน มีเรื่องให้บ่นนิดเดียวว่า เราเพียงต้องการให้เม็กเชื่อถือจอห์นให้เร็วกว่านี้ ซึ่งต้องแลกมาด้วยคำสารภาพรักทั้งน้ำตา เราชื่นชมจอห์นนะคะ
 นอกจากเรื่องนี้จะโฟกัสไปที่จอห์นและเม็กแล้ว บางส่วนของหนังสือยังถูกตัดสลับไปยังคู่ของแซม เพื่อนร่วมงานของจอห์น ชายหนุ่มชาวเท็กซัส ทั้งกวนโมโหและปากเสีย และล็อค อดีตนักแม่นปืนของกองทัพยูเอสเอ ซึ่งถูก เอฟบีไอ ดึงตัวไปร่วมงานสนามในหน่วยต่อต้านผู้ก่อการร้าย เธอถวิลหาการเข้าร่วมกับหน่วยซีลมาตลอด แต่ติดตรงที่เธอเป็นผู้หญิง แถมยังเป็นผู้หญิงที่สวยสุดยอดซึ่งทำงานท่ามกลางหนุ่มเป็นโขยง  ล้อคจึงมักใช้ความเยือกเย็นและควบคุมตัวแทบตลอดเวลาเป็นเปลือกห่อหุ้มตัวตน ที่แท้จริงของเธอ เยือกเย็นถึงขนาดแซมโมโหหลุดปากตะโกนใส่หน้าเธอว่า ฟัดยู  เชียวล่ะ คู่นี้น่าสนใจค่ะ แต่เป็นเล่มที่ 6 ซึ่งถือว่านานมาก ๆ
อีกคู่จะเป็นคู่ของอีฟซึ่งเป็นยายของเม็ก จะมีฉากที่เล่าย้อนกับไปเมื่อกว่าห้าสิบปีที่แล้วช่วงพบรักกับครูสอนหนังสือ แต่เพราะสงครามสมัยฮิตเล่อร์ทำให้ต้องพรากจากกันไปถึงห้าปี คู่นี้ก็น่ารักและอบอุ่นอ่อนหวานคนละอารมณ์ไปอีกแบบค่ะ สรุปแล้ว สมใจอยากอ่าน ไม่ผิดหวังเลย อ่านแล้วไม่เครียดเหมือนเล่มหนึ่ง  และยังคงรู้สึก  กรี๊ดดดด ๆๆๆ   หนุ่มซีลเช่นเดิมและมากเพิ่มขึ้นไปอีกในเล่มนี้ค่ะ


คะแนนความพอใจ  8/10

ดวงตาสังหาร : Visions in Death : J.D. Robb

เมื่อใดก็ตามที่เราเขียนบลอกนิยายชุดอินเดธ  เป็นที่รู้กันว่าเรามีอีก 1-2 เล่มตุนเก็บไว้ก่อนแล้ว เป็นอาการส่วนตัวของความเพี้ยนเล็ก ๆ ที่เหมือนมีเสียงกระซิบบอกกับตัวเองเสมอว่าจะดีจะเลวยังไงเรายังมีโรมานซ์ที่ดีที่สุดรอให้อ่านอยู่นะ 
เรื่องนี้ซื้อมาเมื่องานหนังสือเดือนตค. 53  ค่ะ เป็นลอตสุดท้ายที่เพิร์ลออกสามเล่มรวดหลังจากนั้นก็เกิดการปรับเปลี่ยนเป็นออกครั้งละหนึ่งเล่มแทนไม่ต้องบอกก็รู้นะคะว่าเซ็งแค่ไหนต้องดูความชัดเจนของเพิร์ลต่อไปค่ะ ล่าสุดที่เคยถามไปทางเพิร์ลก็ตอบว่าจะพยายามให้ได้ปีละหกเล่มเท่าเดิม
เรื่องนี้เป็นหนังสือเล่มที่ 19 ไม่รวมเล่มเล็กแล้วเบื่อกันมั๊ยคะ ที่ถามเพราะช่วงหลังก็มีเสียงบ่นกันมาเหมือนกันว่าชุดนี้มันก็สนุกดีหรอกแต่มันยาวเกินไป ขี้เกียจตามอ่าน บางคนก็บอกว่าอีฟน่าจะมีลูกได้แล้วนะ (ซึ่งก็คงจบเห่แน่ค่ะ ถ้าอีฟมีลูก)  แต่ถ้าใครติดตามอ่านมาทุกเล่มจะเห็นชัดค่ะว่าตัวละครจะมีการพัฒนาทั้งการงาน ชีวิตคู่รวมไปถึง เพื่อน ๆ ซึ่งไม่ได้ย่ำอยู่กับที่ เราว่าเมื่อถึงจุดที่นอร่าเห็นสมควรว่าทุกอย่างลงตัวสมบูรณ์แบบจริง ๆ คงจบชุดแน่ ๆ ไม่อยากให้มีวันนั้นเลยค่ะ แต่คิดในอีกแง่หนึ่งมันจะเหลือความท้าทายอะไรให้เราอ่านอีกล่ะค่ะในเมื่อทุกอย่างมันแฮปปี้เอนดิ่งแล้ว

ดวงตาสังหาร : Visions in Death : J.D. Robb
แปลโดย วรรณภา จารุมัยพร :  เพิร์ล พับลิชชิ่ง

เปิดเรื่องมาเป็นฉากที่อีฟต้องผจญกับงานเอกสารที่น่าเบื่อ ตกเย็นเธอต้องแต่งตัวสวย ๆ ที่โร้คจัดเตรียมไว้ให้ไปร่วมงานเลี้ยงธุรกิจกับสามี ซึ่งอีฟตระหนักเป็นอย่างดีว่าโร้คไม่เคยคาดหวังว่าอีฟจะทุ่มเทเวลาในฐานะภรรยานักธุรกิจแต่อีฟก็คืออีฟ เธอเต็มที่กับหน้าที่ภรรยา แทบจะนับครั้งได้ที่เธอพลาดงานเลี้ยงธุรกิจ ถึงแม้เธอจะไม่เคยนึกชอบงานพวกนี้ก็ตามจะว่าไปโร้คเสียอีกที่ให้เธอได้มากกว่า เขาจัดตารางที่แน่นเอี๊ยดให้ตรงกับวันว่างของเธอเพื่อช่วยคลี่คลายคดีหลายต่อหลายครั้งจนนับไม่ถ้วน จนอีฟรู้สึกว่าโร้คทำหน้าที่สามีตำรวจได้ดีกว่าเธอซึ่งทำหน้าที่ภรรยานักธุรกิจเสียอีก
ความตื่นเต้นท้าทายมาเยือนอีฟในคืนงานเลี้ยงเสร็จสิ้นเมื่อเธอได้รับแจ้งว่าเกิดคดีข่มขืนฆาตกรรมหญิงสาวในสวนสาธารณะกลางกรุงนิวยอร์กการตายที่เพิ่มความสยดสยองด้วยการควักดวงตาของเหยื่อและจบด้วยด้วยการผูกริบบิ้นสีแดง ยิ่งสืบสาวลึกไปเรื่อย ๆ ก็ชัดเจนว่านี่ไม่ใช่เหยื่อรายแรกสำหรับฆาตกรคนนี้ ถึงเวลาตำรวจมือดีที่สุดของกรมตำรวจนิวยอร์ก ต้องจับผู้ร้ายรายนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เขาฆ่าใครได้อีก
โดยรวมของคดีนี้ไม่มีอะไรใหม่ ๆ เงื่อนงำเดากันได้ไม่ยากไม่มีตัวละครที่เขียนไว้หลอกคนอ่านให้เดาจนน่าเวียนหัว ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของการสืบหาตามปกติเหมือนเล่มอื่น ๆ แต่ที่แตกต่างออกไปในเรื่องนี้อีฟต้องไปเกี่ยวพันกับหญิงสาวผู้มีพลังจิตพิเศษที่ล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าที่ยืนยันว่าเธอฝันเห็นคืนเกิดเหตุ  ซึ่งไม่ใช่พยานยืนยันที่อีฟถนัดหรือให้ความใส่ใจมาก่อนเธอเชื่อมั่นกับการสอบสวนโดยใช้เทคโนโลยีมาช่วย มากกว่า แต่อีฟเก่งเสมอในเรื่องที่ฝืนทำสิ่งตรงกันข้ามถ้ามันเกี่ยวข้องกับคดีที่จะนำเธอไปจับฆาตกรได้
เล่มนี้ค่อนข้างหวานน้อยนะคะ เนื้อหาส่วนใหญ่อยู่กับคดีเลยค่อนข้างเครียดพอสมควรตอนอ่าน แถมพระเอก นางเอกยังรักกันดี้ดีไม่มีทะเลาะกันเลย ผู้คนรอบข้างอีฟก็ตกอยู่ในห้วงรักกันหมดค่ะ เลยรู้สึกขาดสีสันไปพิกล


คะแนนความพอใจ 7+