27 กันยายน 2554

กุหลาบพิศวาส - The Marcelli Bride /// Susan Mallery

พูดจากใจจริงว่าเรารออ่านเล่มนี้และตั้งความหวังไว้พอสมควรค่ะหลังจากที่เล่มสองและสามสนุกไม่แพ้กัน พลอตของซูซาน ก็ตามที่บก. บอกไว้ที่ปกหลังค่ะพลอตอาจจะมองว่าน้ำเน่าแต่ก็มีเนื้อหาที่ไม่เน้นไปที่ความรักของพระเอก นางเอกจนน่าเบื่อ หนังสือของเธอสอดแทรกความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นโดยศูนย์รวมความรักอยู่ที่ชายหญิงแก่ ๆ ชาวอิตาเลียนที่อบรมสั่งสอนลูก ๆ หลาน ๆ ด้วยวิถีชีวิตดั้งเดิม...แต่งงาน มีลูกเยอะ ๆ ไว้สืบทอดและรักษามรดกของตระกูลไว้
ต้องยกความดีให้กับสนพ.อินเลิฟที่แปลหนังสือชุดพี่น้องมาร์เซลลี่ออกขายไม่ทิ้งช่วงห่างกันมากนัก การให้นักแปลคนเดียวแปลกรณีที่เป็นหนังสือชุดก็เป็นข้อดีอีกเรื่องที่เราขอชม และขอสนับสนุนให้คงแนวคิดนี้ไว้ค่ะ



กุหลาบพิศวาส - The Marcelli Bride by Susan Mallery
 กานติศา ผู้แปล สนพ.  อินเลิฟ   พิมพ์ปี  2554


หนังสือเล่มที่สี่ของชุดแล้วค่ะ ตามที่บอกไว้แล้วว่าเล่มนี้จะเป็นเรื่องราวของโจ ลาร์สัน พี่ชายคนโตของมาร์เซลลี่ซึ่งเมื่อสามสิบปีก่อนถูกพ่อแม่ยกให้คนอื่นไปเลี้ยง จนกระทั่งเขาอายุได้สามสิบปีโจ ถึงได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้ไร้ญาติอย่างที่คิด
โจ ลาร์สัน ทหารจากหน่วยรบพิเศษของกองทัพเรือหรือเรียกสั้น ๆ ว่าหน่วยซีล เคยปฏิบัติภารกิจในสถานการณ์ที่อันตรายมามากมายหลายประเทศแต่การเผชิญอันตรายในอดีตเทียบไม่ได้กับความอึดอัดที่ต้องคอยรักษาความปลอดภัยให้กับลูกสาวประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา  เมื่อโจได้รับคำสั่งชนิดเจาะจงจากประธานาธิบดีให้หน่วยซีลของกองทัพเรือเป็นผู้ดูแลความปลอดภัยของดาร์ซี ซึ่งเคยตกเป็นเป้าหมายถูกลักพาตัวมาแล้ว ไร่องุ่นผลิตไวน์มาร์เซลลี่ของครอบครัวโจ เป็นสถานที่ ๆ “เบื้องบน” เล็งเห็นแล้วว่าเหมาะสมที่เธอจะใช้เป็นเซฟเฮ้าส์จนกว่าตำรวจจะจับคนร้ายได้ โจซึ่งมีความตั้งใจที่จะอยู่ห่าง ๆ ญาติของเขาจึงต้องหวนกลับคืนสู่ครอบครัวมาร์เซลลี่อีกครั้ง  ผ่านมาสามปีแล้วนับแต่ที่โจ เป็นส่วนหนึ่งของมาร์เซลลี่ แต่เขาก็ยังไม่คุ้นชินกับการแสดงความรักแบบมาร์เซลลี่ ที่พร้อมใจกันอ้าแขนต้อนรับเขา จู้จี้ให้เขารีบแต่งงานเพื่อจะได้มีทายาทเร็ว ๆ และปู่ซึ่งต้องการให้เขาลากออกจากทหารเพื่อมารับช่วงสานต่อธุรกิจไวน์เสียทีดังนั้น การมาเยี่ยมบ้านของปู่จึงมักทำให้โจรู้สึกว่าเป็นคนเลวที่ไม่สามารถทำตัวตามสบาย และเต็มใจรับการถูกประคบประหงม ได้เสียที
ในขณะเดียวกับที่โจต้องรับทำภารกิจที่ไม่เต็มใจ ดาร์ซี่ในฐานะลูกสาวของผู้นำประเทศ ชีวิตก็ไม่ได้ปูด้วยพรมแดงอย่างที่ใคร ๆ คิด เธอเป็นลูกสาวคนที่สองที่ไม่ค่อยจะได้อยู่ใกล้ชิดพ่อมากนักนับตั้งแต่แม่ตาย เพราะรู้สึกกดดันที่ได้รู้ความจริงว่าเธอเป็นลูกสาวที่เกิดจากชายชู้คนหนึ่งของแม่ ยิ่งมีพี่สาวที่สวยสมบูรณ์แบบ ดาร์ซียิ่งรู้สึกว่าตัวเองมีปมและไม่เคยดีพอสำหรับตำแหน่งลูกสาวประธานาธิบดี แต่การที่ดาร์ซี่ได้มาพักกับครอบครัวมาร์เซลลี่ได้เห็นความรักความเอื้ออาทรที่พวกเขามอบให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ปฏิบัติต่อเธอเช่นลูกหลานคนหนึ่ง ช่วยทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองมีค่ามากขึ้น
อย่างไรก็ตามทั้งโจและดาร์ซี่ไม่อาจหลุดรอดเงื้อมมือการจับคู่ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของมาร์เซลลี่ไปได้ ซึ่งก็ไม่ต้องอาศัยแรงเชียร์มากค่ะเพราะก็เหมือนเล่มอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ที่พระเอก นางเอก ปิ๊งกันแต่แรกพบ แต่โจเป็นผู้ชายที่ไม่รู้จักรักหรือแม้กระทั่งการถูกรัก เพราะกลัวว่าถ้าได้มอบหัวใจให้ใครแล้วจะทำให้เขาผิดหวังในภายหลัง เขาจึงบอกตัวเองตลอดเวลาค่ะว่าดาร์ซี่ไม่ใช่ผู้หญิงในแบบที่เขาชอบ
เล่มนี้เกิดเหตุการณ์ที่มีทั้งความเศร้าจากการสูญเสียเสาหลักใหญ่ของตระกูลมาร์เซลลี่แต่ก็ตามมาด้วยข่าวดีของเบรนด้า ค่ะ นอกเหนือจากคู่ของพระเอก นางเอกแล้ว เรื่องนี้ยังมีคู่รองอีกคู่ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับดาร์ซี่ ซึ่งก็น่าสนใจค่ะ โดยรวมแล้วยังอ่านได้สนุกสมกับที่ตั้งความหวังไว้  


คะแนนความพอใจ  8

ไม่มีความคิดเห็น: